เป็นที่รู้กันอยู่แล้วว่าราคาเสื้อสูทแต่ละตัวนั้นค่อนข้างที่จะแพง ดังนั้นการดูแลชุดสูทให้อยู่ใช้งานไปนานๆจึงเป็นเรื่องที่สำคัญ แต่ทั้งหมดนี้ก็ขึ้นอยู่กับวิธีในการดูแลและทำความสะอาดเสื้อสูทของตัวเราเอง การดูแลเสื้อสูทนั้นไม่ใช่แค่การนำไปใส่ไม้แขวนเสื้อหรือโยนลงไปซักในเครื่องซักผ้า ซึ่งหลายคนอาจจะเข้าใจผิด เรามาดูอุปกรณ์และวิธีการที่ถูกต้องในการดูแลและทำความสะอาดกันเลยดีกว่า
วิธีการทำความสะอาดและรักษาชุดสูท
1.ลูกกลิ้ง

หลังใส่สูททุกครั้งให้นำสูทมากำจัดพวกไรฝุ่น เส้นผม และขนสัตว์ โดยการใช้ลูกกลิ้งเพื่อทำความสะอาด
2.ไม้แขวนเสื้อ

ไม้แขวนเสื้อที่เหมาะสมควรจะมีขนาดความกว้าง ยาว ให้พอดีกับเสื้อสูท ควรทำด้วยไม้และกว้างหนาตรงไหล่เพื่อไหล่จะได้ไม่แฟบและแบน สามารถที่จะรับน้ำหนักของเสื้อได้ เพื่อรักษารูปทรงไว้ตั้งแต่ ปกเสื้อ หัวไหล่ ลำตัว เพื่อให้อยู่ในสภาพเดิมและป้องกันการยับ ควรที่จะหลีกเลี่ยงการนำเสื้อสูทมาแขวนไว้ที่เก้าอี้
3.ถุงคลุมเสื้อ

ถุงคลุมเสื้อนั้นมีทั้งแบบพลาสติกและแบบผ้าใบ สามารถใช้งานได้ทั้ง2 แบบ แล้วแต่ความชอบของแต่ละคนเลย ถุงคลุมเสื้อนั้นเป็นอุปกรณ์ที่ช่วยป้องกันรอยยับ ไรฝุ่น และแมลงให้มาเกาะที่เสื้อ หากกังวลเรื่องกลิ่นอับ ให้ใส่ไม้ Cedar ไว้ในตู้ สามารถหาซื้อได้ตามร้านขายสูททั่วไป ไม่ควรใส่เสื้อสูทหลายๆตัวพร้อมกันจนแน่นเกินไป
ขั้นตอนการดูแลและรักษาทำความสะอาด
1.ซักแห้งกำจัดคราบ
ชุดสูททุกตัวควรที่จะนำมาซักแห้งเพียงอย่างเดียว ไม่สามารถที่จะนำไปซักน้ำได้ เพราะชุดสูทส่วนใหญ่นั้นเป็นผ้าขนสัตว์ ส่วนซับในเป็นผ้าไนล่อน จึงควรที่จะซักแห้งอย่างเดียว
ชุดสูทนั้นควรที่จะซักแห้งบ่อยๆ เพื่อไม่ให้คราบเหงื่อติด แต่หากไม่สกปรกมากนัก อาจจะใช้ซัก 2 รอบ แล้วค่อยนำไปซักก็ยังได้แต่ต้องภายใน 1 อาทิตย์เท่านั้น คราบจะได้ไม่ฝังลงไปนาน แต่หากไม่ได้ใช้ชุดสูทใน 6 เดือน ควรจะนำมาซักแห้งซัก 1 ครั้ง เพื่อที่จะถนอมเนื้อผ้า
เวลาส่งชุดสูทมาซัก ควรนำเสื้อสูทและกางเกงมาซักพร้อมกัน เพราะนานๆไปสีของชุดจะได้เสมอกัน
2.กำจัดรอยยับด้วยไอน้ำ
กำจัดกลิ่นอับและรอยยับด้วยการใช้เตารีดไอน้ำแบบยืน แบบยืนนั้นจะดีกว่าแบบทั่วไป เพราะไม่ได้สัมผัสเนื้อผ้าโดยตรงแบบทั่วไปนั้นจะมีความร้อนที่สูงทำให้เส้นใยเนื้อผ้าเกิดความสียหายได้ง่าย และควรหลีกเลี่ยงการใข้เตารีดทุกชนิดรีดบนกระเป๋า เพราะอาจทำให้ผ้าซับในกระเป๋าเสียรูปทรงได้ การนำสูทมารีดโดยเตารีดสามารถทำให้เกิดเงาและเสียได้
3.ปัดฝุ่นด้วยลูกกลิ้ง
ชุดสูทนั้นมักจะมีไรฝุ่นมาติดอยู่เสมอเราจึงจำเป็นที่จะกำจัดฝุ่นทุกครั้งหลังใส่เสร็จ โดยเริ่มจากนำลูกกลิ้งมากลิ้งที่หัวไหล่แล้วค่อยไล่ลงมาทีละส่วน โดยให้ทำการกลิ้งไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อกำจัดพวกเส้นผมและขนสัตว์
4.นำไปแขวน
หลังจากทำความสะอาดเป็นที่เรียบร้อยแล้วให้นำสูทไปแขวนไว้กับไม้แขวนเสื้อทุกครั้ง โดยไม้แขวนเสื้อต้องมีรูปทรงที่ตรงกับชุดสูท โดยเฉพาะช่วงหัวไหล่ตรงบริเวณความกว้างเพื่อรักษารูปทรง
5.นำเสื้อชุดสูทใส่ถุงคลุม
ไม่ว่าเราจะเดินทางไปไหนหากเราพกชุดสูทไปด้วยควรจะนำใส่ถุงคลุมตลอดการเดินทาง เพื่อป้องกันไม่ให้สกปรกก่อนจะนำมาใช้งาน
6.ไม่สวมติดต่อกันหลายวัน
การสวมเสื้อสูทตัวเดียวติดต่อกันหลายวัน จะทำให้เสื่อมสภาพได้เร็วขึ้นและภาพลักษณ์ดูหมอง หากให้ดีก็ควรมีการสลับใส่สูทตัวอื่นบ้าง
ท่านใดที่ต้องการนำเสื้อสูทมาซักแห้งทาง Dry~Clinique ก็มีบริการซักแห้งโดยผู้เชี่ยวชาญด้านการซักแห้งให้บริการท่านอยู่ นอกจากนั้นหากสูทบางชุดของคุณมีมันขึ้นแวววับ Dry~Clinique ที่เดียวเท่านั้น ที่สามารถขจัดรอยมันนั้นได้
ร้านซักแห้ง Dry~Clinique มีเปิดให้บริการถึง 5 สาขา คือ สุขุมวิท 33, ทองหล่อ 10, พหลโยธิน(ซอยอารีย์), สามเสน, ชิดลม และยังเพิ่มความสะดวกสบายโดยมีบริการรับ-ส่งให้ เนื่องจากเราใช้เครื่องมือที่ทันสมัยจึงสามารถให้บริการได้อย่างรวดเร็วภายในระยะเวลาแค่ 3 วันเท่านั้นนับจากวันที่ท่านมาส่งผ้า หากต้องการอ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการซักแห้ง อ่านต่อได้ที่ http://www.dryclinique.com/บริการของเรา/ซักแห้ง